วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557

กระจ่างจริง Anime: Inari, konkon, koi, iroha

ประเภท: Romantic, Fox Girl, Super Natural
เรื่องโรแมนติกใสๆระหว่าง ฟูชิมิ (Fushimi) และ ทันบาบาชิ (Tanbabashi) โดยฟูชิมิรับบทเป็นสาวน้อยที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง และขี้อิจฉาโดยมักจะโทษตัวเองตลอด โดยเรื่องได้เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเธอคิดไม่เองว่า ซูมิโซเมะ (Sumizome) ซึ่งเป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวยและโดดเด่น ได้หลงรักและชอบ ทันบาบาชิ โดย ทันบาบาชิก็ชอบ ซุมิโซเมะ ด้วย ระหว่างทางกลับบ้านนั้น เธอได้แวะที่ศาลเจ้าและถูกนำทางโดยวิญญาณจิ้งจอก 2 ตน สู่ศาลเจ้าด้านในสุด ซึ่งเป็นที่อยู่ของ อูกะ (Uka) เทพจิ้งจอกผู้ปกป้องศาลเจ้า เธอเสนอที่จะให้พรแก่ฟูชิมิเป็นคำตอบแทนที่ช่วยลูกชายของเธอ คอน (Kon) ลูกจิ้งจองซึ่งได้รับบาทเจ็บและกำลังตกลงไปที่ลำธาร การตัดสินใจครั้งนั้นของฟูชิมิได้เป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย เมื่อเธอของพรโดยเธอขอ้ป็น ซูมิโซเมะ เพราะเธอคิดว่า ซูมิโซเมะ และ ทันบาบาชิ คบกัน

เมื่อเธอเป็นซูมิโซเมะสมใจ เธอกลับได้รู้ความจริงในภายหลังว่าเป็นความเข้าใจผิดและเธอไม่สามารถขอพรกลับร่างเดิมได้ เพราะพลังของอูกะไม่พอ อูกะจึงเสนอแบ่งพลังส่วนหนึ่งของเธอแก่ฟูชิมิ


ซึ่งเป็นพลังในการแปลร่างเป็นใครก็ได้ ซึ่งผลข้างเคียงที่ตามมาคือ ความรู้สึกและเพราะเทพของอูกะจะเข้าถึงกัน โดยทุกครั้งที่ฟูชิมิแปลงร่างพลังของอูกะจะถูกใช้ไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ และ ความรู้สึงของฟูชิมิจะส่งถึงอูกะด้วย หรือแม้กระทั้งการขอพรเล็กๆน้อยๆ รวมถึงการใช้พรใครสักคน โดยผลตรงนี้มาจากพลังในการแปลงร่างเป็นศาสตร์ชั้นสู้ของเทพที่สามารถใช้ได้ จึงทำให้ศาสตร์ที่มีพลังต่ำกว่าสามารถใช้ได้ด้วยโดยไม่ได้ตั้งใจ



เนื้อเรื่องดำเนินไปโดยเน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่าง ฟูชิมิ และ อูกะ โดยแสดงการพัฒณาความสัมพันธ์ระหว่างฟูชิมิและทันบาบาชิเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนเนื้อเรื่องยังไม่จบดีนักเมื่อเหมือนมีสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอย่างทั้งคู่ไม่ทันตั้งตัวระหว่าง อูกะ และพี่ชายของฟูชิมิ โทกะ (Toka) ซึ่งทำให้เราแอบลุ่นนิดๆว่ามันจะจบยังไง

อนิเมเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นเพียง 10 ตอนเท่านั้นซึ่งสั้นกว่าอนิเมปกติมาก อาจมีแผนอะไรตามหลังมาหรือเปล่า ใจความหลังเรื่องนี้คือ อย่าเอาความคิดและอารมณ์ของตัวเองต้องเป็นหลัง ความที่จะปรึกษาเพื่อนและคิดให้อย่างรอบครอบก่อนที่จะตัดสินใจลงไป เพราะอาจส่งผลร้ายที่อาจไม่ตั้งใจให้เกิดก็ได้

Reviewer Score: 8/10

เนื้อเรื่องดำเนินดีมาก แต่ตอนจบเหมือนคนเขียนลืมอะไรไปบ้างอย่างแต่ก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจกัน คือ ฟูชิมิสามารถกลับมาร่างเดิมได้ และทุกอย่างกลับมาอยู่สถาพปกติ โดยส่วนตัวแล้ว แอบหวังอยู่ลึกๆให้มี Season 2 นะ

Writer: MistFox

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557

กจะจ่างจริง Anime: D-Frag

ประเภท: Comedy, Sit-Com

ขวนการความโหด มัน ฮา ได้ เริ่มขึ้นแล้ว D-Frag เป็นอนิเมแน่ซิดคอมสุดฮาโดยเนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นภายในชมรมสร้างเกม(ก่อน) ซึ่งชิโนแซะ (Chinose) สาวน้อยตัวเล็กเป็นประธานชมรม
เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อ ชมรมสร้างเกม(ก่อน) ต้องหาสมสาชิกเพิ่มเพื่อใม่ให้ชมรมถูกปิดลง และพวกเธอก็ได้ผู้โชคร้ายเป็นหนุ่มผมตั้ง แหล่มเป็นเข็มชื่อ คาซะม่า (Kenji Kazama) ต้องมาเป็นหนึ่งในสมาชิก อย่างไม่ค่อยเป็นใจนัก เรื่องวุ่นๆได้เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน โดยเกิดขึ้นจากภายนอกและภายในชมรม

แถมยังมีแอบอิงอนิเมเรื่องอื่นอย่าง Cobra
ซึ่งนำมาล้อเลียนได้อย่างฮาเลยทีเดียว (เกือบทำเขาเกือบเสียแหนะ)

ยังไงก็ตาม เนื้อเรื่องผสมผสานไปกับการพากษ์เสียงที่แอบแทรกขึ้นมาตลอดเวลา ทำให้สถานการณ์ที่ตรึงเครียดกลายเป็นความฮาไปในชั่วพริบตา รับรองดูแล้วไม่มีเครียด อาจจะมีโรแมนติกนิดหน่อย ระหว่างความรู้สึกของ ทาคาโอะ (Takao) ที่มีต่า คาซะม่า

ใจความหลักเรื่องนี้จะแน่นไปตามดูแล้วคลายเคลียดมากกว่า แต่ก็ยังมีการสอดแทรกแนวดีแปลกๆเข้ามาอยู่เรื่องๆ เช่น ชื่อเกม P.I.S.S (ซึ่งถ้าแปลตามตัวทางภาษาอังกฤษก็จะแปลว่าฉี่) ซึ่งชื่อเต็มคือ Puss It Super Strong หรือแม้กระทั้งเกมต่างๆที่นำมาจัดการแข่งขัน ซึ่งสื่อให้เห็นความคิดสร้างสรรค์ของผู้เขียนเรื่องนี้



Reviewer Score: 10/10
ถ้ามองหาอนิเมเพิ่มแรงบรรดานใจในจินตนาการ คิดอะไรแปลกๆใหม่ ไม่พ้นเรื่องนี้อย่างแน่นอน รับรองดูไม่เคลียด แต่ติิดหนิบ

Writer: MistFox

Opening Theme Song:

Ending Theme Song:


เพลงจบนี้มีหลายแบบนะครับ แต่ก็คลายๆกัน แค่เปลี่ยนนิดหน่อย

กระจ่างจริง Anime: Mikakunin de shinkoukei

 
ประเภท: Romantic, Comedy, Super Natural

 เรื่องอันแสนสุดจะน่ารักและเฮฮาด้วยตัวละครที่น่ารักบวกกับเนื้อเรื่องที่แปลกแหวกแนว เมื่อโคเบนิ (Kobani) สาวน้อยตัวเอกของเรื่องจะต้องแต่งงานกับชายซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่าสายพันธู์อะไร โดยอยู่ดีๆก็มาอยู่ที่บ้านในฐานะคู่มั่นและมี มิชิโระ (Mashiro) ติดตามมาด้วย

เรื่องออกแนวตลกโดยมีตัวชูโรง (มาชิโระ) ซึ่งกลายเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน บวกกับโรแมนติก
นิดๆซึ่งเพิ่มความหวานให้กับเรื่องได้ไม่น้อย อาจจะใข้เป็น Love advice ได้ดีเลยทีเดียว ถึงอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้ผูกปมอะไรหลายๆอย่างเอาไว้ด้วยกันซึ่งก็ยังเฉลยไม่หมดถึงแม่จะจบ Season แล้วก็ตาม

ใจความหลักของเรื่องนี้จะอยู่ตรงที่ว่า ควรใส่ใจในสิ่งที่เราได้พูดกล่าวเอาไว้ ถึงแม้อาจจะมีความสำคัญน้อยนิดก็ตาม การกระทำแต่ระครั้งที่จะกระทบความรู้สึกคนอื่นควรไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะพูดหรือลงมือทำลงไป โดยเฉพาะหากเป็นเรื่องสำคัญควรที่จะบอกให้คนใกล้ตัวทราบไว้ก่อนล้วงหน้า เพราะอาจทำให้คนอื่นเป็นห่วง หรือตกอยู่ในสถานะการณ์อันตรายได้ ลองดูแล้วจะติดใจนะเอ๋อ....

Reviewer Score: 10/10

ความฮาผสมน่ารัก เรื่องนี้ผ่านแน่นอน ห้ามพลาด!!

Writer: MistFox

Opening Theme Song:

Ending Theme Song:


วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557

กระจ่าง​จริง: Movie Transcendence คอมพ์สมองกลพิฆาดโลก

 ประเภท​: Sci-fi, drama


เมื่อมนุษย์​มองหาความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์​การแพทย์เพื่อหาหนทางรักษาโรคมะเร็ง การพิการ ต่างๆเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีเมือ เด็กเตอร์ วิล เคสเตอร์ (Dr. Will Caster) และทีมของเขาได้ทำการวิจัยและพัฒนาระบบ ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ชื่อ พินน์  (PINN) ซึ่งเป็นการทดลองสร้างระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถนึกคิดเองได้ โดยทดลองอัพโหลดพฤติกรรมของลิงในสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และประสบความสำเร็จ แต่ทุกอย่างก็ได้พังทะลายลงเมื่อผู้ต่อต้านการใช้ระบบ AI (Artificial Intelligence) ได้โจมตีฐานข้อมูลที่สามารถนำมาใช้สร้างซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ตัวนี้ พร้อมสังหารผู้ร่วมงานทั้งหมดของเขาเหลือไว้แต่ภรรยา อีฟวิลิน (Evelyn Caster) และเพื่อนที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมวิจัยของเขา แม็กซ์ (Max Waters) วิลถูกยิงหลังจากสัมนาไม่นานโดยผู้ร่วมสัมนาด้วยคนนึง กระสุนที่ใช้ยิงเขาเป็นกระสุนที่มีอนุภาพรังสี  เมื่อถูกดูดสึมเข้าไปในกระแสเลือดแล้วไม่มีทางรักษาได้ ที่แย่กว่านั้นคือเขาสามารถมีอายุอีกเพียงแค่ 4 - 5 สัปดาห์เท่านั้น

เมื่อทุอย่างไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ อีฟวิลินต้องการที่จะยื้อชีวิตวิลไว้โดยการอัพโหลดข้อมูลของเขาเข้าสู้คอมพิวเตอร์เมื่อกับที่ทดลองกับลิงมาแล้ว 

ส่วนทางผู้ต่อต้านเมื่อรู้ว่าวิลยังไม่ตายและจะมีการอัพโหลดวิลเข้าไปในคอมพิวเตอร์ จึงรีบตามหาตัวอีฟวิลินและแม็กอยากเร็วที่สุด และพวกเขาก็ได้ตัวแม็กมาได้ไม่อยากนัก และเป้าหมายต่อไปคือการยับยั้งไม่ใช้อีฟวิลินทำการออนไลน์วิล ซึ่งเมื่อพวกเขาเจอที่อยู่ของอีฟวิลินทุกอย่างก็สายไปแล้ว วิลได้อยู่ในเครื่อข่ายออนไลน์แล้ว

แล้วในที่สุดสิ่งที่พวกเขาหวาดกลัวก็ได้เกิดขึ้น เมื่อความสามารถของวิลที่เก่งทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และคอมพิวเตอร์ ทำให้ตัวเขาสามารถพัฒนาตัวเองแล้วก้าวล่ำเทคโนโลยีอื่นๆไปมาก จนกระทั้งสามารถวิจัย Steam Cell และผลิตธาตุได้เอง ซึ่งกลุ่มต่อต้านได้พยายามหาวิธีเพื่อยับหยั่งและทำลายระบบวิลก่อนที่จะสายเกินไป โดยทั้งแม็กและอีฟวิลินได้ยอมเข้าร่วมแผนการนี้ด้วย

ภาพยนต์เรื่องนี้ได้สื่อให้เห็นถึงการวิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ซึ่งถ้าสามารถพัฒนาจนสามารถเรียนรู้และปรับปรุ่งตัวเองได้ อาจจะก่อให้เกิดหายนะขึ้น ซึ่งสามารถเทียบได้กับเหตุการณ์สมมุติของหนังหลายๆเรื่อง เช่น iRobot หรือแม้กระทั้ง Terminator จากในเรื่องที่สามารถจบได้ด้วยดีอาจเป็นเพราะระบบคอมพิวเตอร์ได้จดจำความรู้สึกนึกคิดของวิลที่มีต่ออีฟวิลินเอาไว้ด้วย และตัววิลเองก็พยายามสร้างโลกในอุดมคติของอีฟวิลินขึ้นมาให้ได้ แต่สุดท้ายเขาก็ได้ข้นพบว่า ความพยายามของเขาไม่ใช้หนทางสู่ความฝันของอีฟวิลินอย่างแท้จริง

จากตอนแรกผมนึกว่าเรื่องนี้จะเป็นหนัง Action Sci-Fi แต่กลับถูกหักมุมด้วยเนื้อเรื่องสุดดราม่า มันก็กลายเป็นอีกมุมหนึ่งมีหนังพยายามสื่อความหมายแทนทีส่วนใหญ่แล้วหนังประเภทนี้จะเป็นแอคชั่นสุดกระการตา แต่กลับใช้แบบดราม่าแทน

คะแนนจาก Reviewer: 6/10 

เนื่องด้วยเนื่อหาพยายามชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างอีฟวิลินและวิลมากจนเินไป จนทำให้เนื้อเรื่องบ้างส่วนได้ยืดยาวและใจความสำคัญของเรื่องอาจถูกอธิบายไม่ชัดเจนพอ

Writer: MistFox

Movie Trailer:

วันเสาร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2557

กระจ่างจริง: Anime Persona 4​ the animation.

จากเกมใน​ PS VITA สู่การ์ตูน​อนิเมชั่น​ Persona 4: the animation โดยค่าย Atlus ในปี 2012 เป็นประเภท Fantasy, super natural, Comedy, drama และ detective

Narukami Yu
นารุกามิ ยู (Narukami Yu) ได้ย้ายโรงเรียนมาที่จังหวัดอินาบะซึ่งอยู่ในแถบชนบทซึ่งได้อยู่อยู่กับคุณอา ริวทาโร่ (Dojima Ryotaro) ซึ่งเป็นพ่อของ นานาโกะ (Dojima Nanako) เด็กน้อยชั้นประถม
Dojima nanako
 การเรียนและเพื่อฝูงของยูเหมือนจะไปได้ด้วยดีแต่กลับเกิดเหตุการไม่คาดฝันขึ้น การฆ่ากรรมต่อเนื่อง และ เรื่องเล่าทีวีเที่ยงคืน (Midnight TV) ซึ่งจะแสดงผู้เคราะห์ร้ายคนต่อไป


การสืบค้นตามหาฆาตกรเป็นไปอย่างเข้มข้นและเขาได้ค้นพบว่าโลกของเขาถูกเชื่อมต่อกับอีกมิติหนึ่ง โดยมีสื่อกลางเป็นทีวีและโลกของเขากำลังถูกคุมคามโดย Shadow จากอีกมิติหนึ่ง เขาต้องหาตัวฆาตกรและหยุดเหตุร้ายนี้ให้ได้


เมื่อเขาเข้าไปมิติหลัวทีวี เขาได้ค้นพบ Persona ตัวแรกและเป็นตัวหลักของเขาคือ อิซานะงิ Izanangi และเพื่อนของเขาก็เช่นกัน โดยใจความหลักของการได้มาซึ่ง Persona ประจำตัวก็คือ ต่อยอมรับในตัวของตัวเองซึ่งอาจเป็นมุมที่ตัวเองไม่ชอบ และไม่สามารถรับมันได้ ซึ่งเพื่อนของเขาแต่ละคนต้องพบกับด้านมืดและด้านลบของตัวเองที่อยู่ในก้นบึ่งของจิตใจและต้องเอาชนะมันให้ได้


เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินผ่านไป เขามันถูกเชิญเข้าไปในห้อง (ซึ่งภาคนี้เป็นรถ) Velvet Room ซึ่งได้พบกับ อิกอร์ (Igor) และ มากาเร็ต (Magaret) ซึ่งเป็นพี่สาวของ อริสเบ็ต (Elizabeth) ใน Persona 3 ซึ่งห้องนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเปิด แสดง และ พัฒนา Persona ของ ยู


ซีรี่ Persona เป็นการผสมผสานของไพทาโร่และพลังทางด้านลบของจิตใจคน โดยใจความหลักคือ ยอมรับในตัวเองและพัฒนาความสามารถของตัวเอง โดยคำว่า Persona มาจากคำว่า Personality หรือ บุคลิคนั้นเอง

Reviewer Score: 8/10
Writer: Mistfox

Opening Theme Song 1:

Opening Theme Song 2:




Ending Theme Song 1:




Ending Theme Song 2:


วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2557

กระจ่างจริง: Anime Kill la Kill

Kill la Kill เป็นอนิเมประเภท Comedy และ Action ผสมไปกับ Science fiction ค่าย Trigger โดยเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการล้างแค้นของ มาโทอิ ริวโกะ (Matoi Ryuko) ซึ่งตามล่าหาคนที่สังหารพ่อของเธอ และ ความสัมพันธ์ระหว่างเสือกับมนุษย์ ริวโกะได้เดินทางมาที่ โรงเรียนฮอนโนอุจิ (Honnouji Academy) เพื่อตามหาคนที่สังหารพ่อของเธอ ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ (ก่อสร้างเป็นรูปเสื้อนักเรียนกะลาสี) มีการแบ่งชนชั้นอย่างเห็นได้ชัด โดยแบ่งจากเสื้อ นักเรียนโกคุ  Goku Uniforms(極制服 )Gokuseifuku, lit. "high quality uniform", from gokusei (極製) +  seifuku (制服) ) ทำให้ผู้สวมใส่มีความสามารถเหนือมนูษย์ปกติ โดยเสื้อมีระดับสูงสุดคือระดับ 3 ดาย และต่ำสุด 0 ดาว (หรือเสื้อธรรมดานั้นเอง)





ริวโกะผู้รับบทเป็นตัวเอก ดำเนินเรื่องอย่างเข้มข้น มุ่งมั่นที่จะตามหาและล้างแค้นให้แก้พ่อ โดยมีหลักฐานคือครึ่งหนึ่งของดาบกรรไกรที่หายไป โดยเหลือที่ครึ่งหนึ่งไว้เป็นของดูต่างหน้า ซึ่งกลายเป็นอาวุธคู่ใจที่มีอานุภาพในการตัด Life Fiber ได้อย่างเฉียบคบ การตามหาฆาตกรเป็นไปด้วยความยากลำบากและอุปสรรค์ โดยกลุ่มหัวหน้าชมรมต่างๆที่ส่วนใส่ชุดโกคุงระกับ 2 ดาว และ ประธานนักเรียน ระดับ 3 ดาว ทำให้เธอไม่สามารถเอาชนะพวกประธานนักเรียนได้ 


เมื่อเธอพ่ายแพ้กลับมาได้พบกับเซ็นเค็ดสุโดยบังเอิญ ซึ่งเซ็นเค็ดสุเป็นเสื้อที่ถูกสร้างมีพลังที่ทำให้ผู้ส่วมใส่มีพลังเนื้อมนุษย์ โดยถูกสร้างมาจาก Life Fiber สร้างโดยพ่อของเธอนั้นเอง แต่การใช้งานของมันต้องแลกด้วยเลือด (ของผู้ใส่) และ สภาพเสื้อที่เปลี่ยนไป (แปลงร่างนั้นเอง)

ริวโกะได้พบ มาโกะ (Mankanshoku Mako) นักเรียนร่าเริงและพร้อมที่จะไปทุกที่กับริวโกะ ซึ่งเธอชวนริวโกะไปอยู่ด้วยกันที่ครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในสลัมด้านล่างสุดของเมือง  


เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินผ่านไปทำให้เห็นจุดประสงค์ผู้แต่งต้องการสะท้อนสภาพสังคมซึ่งมีการแบ่งชนชั้น อำนาจของเงิน และ อำนาจในการปกครองที่มากขึ้น และที่พลาดไม่ได้คือความสัมพันธ์ระหว่างเสื้อกับมนุษย์ โดยเปรียบเทียบกับชีวิตจริง ถ้าได้ส่วมใส่เสื้อที่ดูดี มีราคา หรือเท่ จะทำให้เรารู้สึกมีพลังและรู้สึกดีอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งทำให้เกิดฝั่งตรงข้ามซึ่งต่อต้านการใส่เสื้อ(ที่มี Life Fiber เป็นประกอบ) โดยมีชื่อว่า Nudist Beach (หาดเปลือย) พวกเขากลุ่มนี้จะใส่เฉพาะเกราะป้องกัน และ ที่ใส่อาวุธเท่านั้น จากจุดนี้ทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนถึงสองขั่ว บวก/ลบ และเป้าหมายของแต่ละกลุ่ม

เนื้อเรื่องดำเนินต่อไปโดยพยายามแสดงให้เห็นว่า มนุษย์อยู่เพื่อเสื้อผ้า(ในลักษณะ ตกเป็นทาส) หรือ อยู่เพื่อที่จะอยู่ร่วมกับมัน(ลักษณะเป็นเพื่อน) สุดท้ายแล้วคำตอบและแนวคิดได้ถูกสอดแทรกเข้าไปในทุกตอน (ทั้งหมด 25 ตอน) รับลองเลยว่า Kill la Kill ไม่ใช่การ์ตูนที่ดูเพื่อฆ่าเวลา หรือ การ์ตูนเบาสมองอย่างแน่นอน


 Reviewer Score: 9/10

อีก 1 คะแนนคือผู้ดูต้องมีความชำนาญในการฝังภาษาญี่ปุ่นระดับหนึ่ง เพราะบางตอนนั้นพูดเร็วมาก ต้องกลับมาดูซ่ำและทำความเข้าใจ

Writer: MistFox

Kill la Kill Opening 1





Review: Noah มหาวิบัติ วันล้างโลก หนังสร้างโลกในมุมมองของมนุษย์

Noah(2014): มหาวิบัติ วันล้างโลก 

  เรื่องราวของหนังโนอาร์ เป็นที่หลายคนทราบกันอยู่แล้วว่า เนื้อเรื่องตามในพระคัมภีร์ แต่!!!มันไม่ใช่ทั้งหมดทีเดียวเชียวครับ หนังมีการเติมแต่งเนื้อเรื่องในมีปมมากขึ้น และเล่นแง่มุมได้หลายมุมเลยทีเดียว  


ด้านเนื้อเรื่องก็ปูบทมาตั้งแต่เรื่องราวของสวนอีเดน การสร้างโลก และ ดำเนินเรื่องมาดั่งที่หลายคนคาดไว้ แต่ทว่า เนื้อเรื่องมันเทไปในส่วนของเรื่องราว บุคคลที่ชื่อว่า โนอาร์ ผู้ที่ถูกเลือกจากพระเจ้า มากกว่า 

เรื่องราวมีตรรกะที่ดี มุมมองและน่าสนใจในการเล่าเรื่องตามตำราในพระคัมภีร์ไบเบิลอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่า ผู้ดู น่าจะทราบเรื่องราวหลักของ 7 วันชำระโลก อยู่แล้ว ในตัวหนังจึงโฟกัสไป เรื่องราว บาปและความเย่อหยิ่งของมนุษย์มากที่สุด มีหลายฉากที่สะท้อนให้เห็นถึง สันดานดิบของมนุษย์ และ สันชาญตญาณการเอาตัวรอด ที่หลากหลาย บาปที่มนุษย์ได้ก่อไว้ในชนเผ่า ผู้เป็นปรปักษ์กับ the creator. และยังเล่นเนื้อเรื่อง ความดี ความชั่วในตัว มนุษย์ อย่าง โนอาร์ อีกด้วย 



ตามท้องเรื่องแล้ว โนอาร์ เป็นผู้ที่ถูกพระเจ้าเลือกมาให้เป็นสัญญาณถึงภัยพิบัติ เหมือนโนอาร์จะสามารถปฎิบัติภารกิจนี้ ตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้ แต่หากทว่า ความเป็นมนุษย์ของโนอาร์ก็ได้ลดถอยลงเช่นกัน ช่วงที่ โนอาร์ เปลี่ยนแปลง ไปมากที่สุด ก็คือ ช่วงที่เห็น สันดานดิบ เอาตัวรอดของมนุษย์ ซึ่งกลายเป็นปีศาจก็ไม่ปาน กลายเป็นว่า ตัวโนอาร์เอง พยายามทำลายมนุษย์ชาติเองทั้งหมด ตรงมุมนี้ ผู้กำกับ เขียนบทไว้ได้ดีมาก สะท้อนให้เห็นว่า แม้แต่ตัว โนอาร์ เองก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ คนหนึ่งที่ไม่ต่างอะไรกับ ผู้อื่น หากแต่เป็นชนเผ่าลูกหลานของผู้รักษาสวนอีเดนแค่นั้นเอง 



ฉากที่ประทับใจ สร้างอารมณ์ และ พลิกเรื่องได้มากที่สุด ก็คือ ฉากที่โนอาร์ ยืนอยู่บนเหล่าผู้คนที่ร้องโหยหวนเพื่อความอยู่รอดของตนเอง ฉากนั้นราวกับอยู่ในนรกก็ไม่ปาน 

...........................................................................................................

ทางด้านครอบครัวของ โนอาร์ เองก็มีความขัดแย้งเช่นเดียวกัน ต่างคนต่างมีบาปที่เห็นได้ชัด อาจจะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าก็ได้ ที่อยากจะให้เกิด สวนอีเดนขึ้นมาอีกครั้ง โดยที่ตามในเนื้อเรื่องหนังโนอาร์แล้ว อดัมและอีฟ มีบุตรอยู่ สามคน และมีนิสัยที่แตกต่างกันไปเหมือนกัน ทางด้านโนอาร์ก็เช่นเดียวกัน กลายเป็นว่า เหมือนผู้กำกับจะพยายามทำให้เห็น ถึงการเกิดใหม่เหมือนเดิม แต่มีความแตกต่างออกไป เนื้อเรื่อง ก็เป็นปัญหาความไม่เป็นธรรมของ the creator หรือ พระเจ้า นั้นเอง จึงเกิดปมดราม่าขึ้นมาได้หลายปมในหนัง ตรงจุดนี้ ผู้กำกับทำเรื่องราวได้รื่นไหลดีจริง แสดงถึงอารมณ์ ความเมตตาและความโหดร้าย ของครอบครัว โนอาร์  และแต่ละคนมีบทบาทที่ทำให้ โนอาร์ เปลี่ยนไปได้ อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะคำพูดอันแสนคมกริบ หรือ การแสดงความรักที่มีต่อลูกของตนและตัวโนอาร์เอง



ทางด้านเผ่ามนุษย์บาปหนานั้น คนที่เหย่อหยิ่ง ทะเยอทะยาน และ ละโมภมากที่สุด ก็คงจะเป็นตัวราชาเอง ที่ดำเนินเรื่องให้ดูมีมิติและเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เป็นตัวละครที่แสดงถึงความมืดในจิตใจของมนุษย์ได้มากที่สุดก็ว่าได้ บทบาทไม่ค่อยมีอะไรมากมาย เป็นรองกับเรื่องครอบครัวของโนอาร์มากกว่า แต่ก็เป็นตัวเชื่อมโยงไปถึง คนในครอบครัวได้ ตรงจุดนี้ ผู้กำกับสามารถนำมาผนวกไว้ได้ดีมาก ในการเล่นจุดอ่อนและจิตใจที่อ่อนแอของมนุษย์(ในที่นี้คือ ลูกของ โนอาร์ เอง)   เนื้อเรื่องจึงดราม่าได้พีกที่สุดแล้ว


สุดท้ายแล้ว โนอาร์ ได้ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า  แต่ทำไมทุกคนถึงไม่ยอมรับการตัดสินของตัวโนอาร์เอง โนอาร์ก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาผู้หนึ่ง ที่มีจิตใจทั้งความเข็มแข็ง และ ความอ่อนแอ มีทั้งความเมตตา และ ความโหดร้าย ครบเครื่องหมดในตัว มีความทะเยอทะยานที่จะกำจัด mankind ให้หมดสิ้นไป แล้วโนอาร์ตัดสินถูกหรือไม่? นั้นเป็นความประสงค์ของพระเจ้าจริงหรือ? 

"ไม่มีมนุษย์คนไหน ดีทุกอย่าง และ ไม่มีมนุษย์คนไหน เลวไปหมด ทุกคนต่างอยู่ก็เพื่อจะเอาตัวรอด" เป็นข้อคิดอันหนี่งที่อยู่ในตัวหนัง 

ตอนจบของเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ประทับใจมากที่สุด ในการตัดสินใจของ โนอาร์ ว่าจะเลือก คำตัดสินอย่างยุติธรรมได้อย่างไร ในเมื่อความคิดของโนอาร์ต้องการ กำจัดมนุษย์ให้หมด เพื่อไม่ทำให้ the creator ผิดหวัง 


แต่ท้ายที่สุดแล้ว

คนที่บาปที่สุด ทุกข์มากที่สุด และ โง่เขลาที่สุด แท้จริงแล้ว คือใครกันแน่? 

โนอาร์ถ้ามองลึกๆแล้ว เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เป็นหนังสร้างโลกในมุมมองของมนุษย์ ที่ต้องดำเนินทางเอง ตัดสินเอง the creator เป็นผู้ชี้นำทางให้กำเนิดโลกใหม่มากกว่า แต่ตัวตัดสินใจเอง อยู่กับที่ มนุษย์ล้วนๆว่า ใครกันที่เป็น ผู้บริสุทธิ์ ใครกันที่เป็น ผู้มีบาปหนา และใครสมควรได้ขึ้นเรือโนอาร์!!!

ผู้เขียนมองว่า การชำระล้าง มนุษยชาติทั้งหมดนั้น ก็เป็นการไปสู่โลกใหม่ไปหา the creator เพื่อนำไปชำระจิตใจให้หมดแล้วส่งมาเกิดใหม่มากกว่า 
เห็นได้จากพวกเหล่า the watcher ทั้งหลายที่ยังสามารถกลับไปรับใช้ the creator ใหม่ได้ และฉากบนเรือ ที่มีการเกิดใหม่ และ การตายจาก ในเวลาเดียวกัน... 


Score: 9/10   ตามความเห็นส่วนตัวแล้ว ผมชอบเรื่องนี้มาก ตั้งแต่การนำเสนอเล่าเรื่องเหตุการณ์ ตามไบเบิล และ การนำปมดราม่ามาผูกให้มีเรื่องราวสะท้อน คำว่า "มนุษย์" อย่างเห็นได้ชัดมากขึ้น ในเชิงข้อเสีย ก็คงจะเป็น บางจุดเล็กๆน้อยๆของเรื่อง ที่ไม่ค่อยเนียนมากกว่า...

Writer: Ashtonaz